วันที่ 5 พ.ค.2568 จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านและคนขี่วิน จยย.รับจ้างหน้าปากซอย กรุงเทพฯ -นนท์ 12 ทะลุออกซอยประชาชื่น 8 ว่ามีสุนัขจรถูกคนใจร้ายใช้มีดแทงบริเวณก้น 6 แผล ได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉี่ทางอวัยวะเพศไม่ได้ ขณะฉี่ต้องฉี่ออกมาทางบาดแผลมีเลือดสดๆทุกครั้ง นอนหลบอยู่ในโซฟาด้วยความหวาดกลัวหน้าวิน จยย.ปากซอย
 

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบพบสุนัขเพศผู้พันธ์ไทย ชื่อยักษ์ สีน้ำตาลดำ อายุประมาณ 5 ปี มีบาดแผลถูกอาวุธมีดแทงที่บริเวณก้น 6 แห่ง นอนหลบอยู่ในโซฟา ทางชาวบ้านและคนขี่วิน จยย.ต้องช่วยกันยกโซฟาดังกล่าวขึ้นมาและพบเจ้ายักษ์แอบซุกอยู่ในซอกขาดๆของโซฟา ด้วยความหวาดกลัว โดยมีนายจุ๊บเจ้าหน้าที่อาสาช่วยเหลือหมาแมว นำอุปกรณ์ยาล้างแผล ยาใส่บาดแผล มาล้างทำความสะอาดให้กับเจ้ายักษ์ในเบื้องต้น ท่ามกลางเสียงสาปแช่งโกรธแค้นของชาวบ้านในซอยถึงคนที่ทำร้ายเจ้ายักษ์ในครั้งนี้

ต่อมา น.ส.สรินทิพย์ หรือเจ้ไก่ คนที่คอยดูแลให้น้ำ-อาหารเ จ้ายักษ์หมาจรตัวนี้ พร้อมกับนายจุ๊เจ้าหน้าที่อาสาสมัครช่วยเหลือหมาแมว และผู้สื่อข่าว ได้พาเจ้ายักษ์ที่มีอาการบาดเจ็บสาหัส ฉี่เป็นเลือดสดๆออกมาทางบาดแผล ขึ้นรถของนายจุ๊ พาเจ้ายักษ์ไปล้างบาดแผล ฉีดยาฆ่าเชื้อ ที่โรงพยาบาลสัตว์สามัคคี ในซอยสามัคคี ต.ท่าทราย อ.เมือง จังหวัดนนทบุรี หมดค่ารักษาไปเป็นเงิน 4,889 บาท โดย น.ส.พรทิพา สุพัฒนุกูล หรือ ผอ.ฟ้า เจ้าของสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี ผู้ใจบุญซึ่งทราบข่าวและได้ออกค่ารักษาพยาบาล ทั้งหมด พร้อมให้ น.ส.สิรินทิพย์ และนายจุ๊ นำเจ้ายักษ์สุนัขจรที่ถูกทำร้ายเดินทางไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลสัตว์เลิศอานัน ถ.ลำลูกกา ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่และอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อทำการรักษาอาการบาดเจ็บ
 

ทันทีที่เจ้ายักษ์สุนัขจรเดินทางมาถึง นางสาวพรทิพา หรือผอ.ฟ้า ถึงกับน้ำตาซึม และรีบขอให้คุณหมอช่วยทำการรักษา เจ้ายักษ์โดยด่วน ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ตนเองจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด โดยนางสาวพรทิพา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ที่บ้านของตนเองก็เลี้ยงสุนัขและแมวจรจัดที่เก็บได้มาจากถนนนับร้อยตัว บางตัวก็พิการ ถูกรถชนบ้างถูกทิ้งบ้าง ตนก็นำมารักษาจนอาการดีขึ้น และก็ทำบ้านหมาบ้านแมวให้เขาอยู่ ติดแอร์อย่างดี ทุกครั้งที่ตนเจอตามท้องถนนตนจะอุ้มกลับมาเลี้ยงดู และรักษาหมาแมวเหล่านี้จนหายเป็นปกติ ถือเป็นการสร้างกุศลให้กับเขา เพราะหนึ่งชีวิตก็มีคุณค่า ตนเห็นเจ้ายักษ์ถูกทำร้ายแล้ว รู้สึกสลดหดหู่หัวใจ ไม่คิดว่าคนทำร้ายจะใจดำขนาดนี้
 

ขณะที่ทางสัตว์แพทย์เจ้าของคลินิก ได้ทำการเอกซเรย์ตรวจเลือดเจ้ายักษ์แล้วพบว่า เกล็ดเลือดและค่าเลือดต่ำมาก ต้องซื้อเลือดจากธนาคารเลือดของสุนัข มาช่วยเจ้ายักษ์ และต้องทำการดูแลพักฟื้น นานกว่า 2 สัปดาห์ถึงจะสามารถผ่าตัดช่วยเหลือเจ้ายักษได้ โดยหลังจากร่างกายแข็งแรงดีแล้ว เราก็จะทำการผ่าตัดต่อท่อปัสสาวะของเจ้ายักษ์ ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ค่อนข้างสูง แต่ทางนางสาวพรทิพา ซึ่งนำสุนัขและแมวมารักษาที่นี่ประจำ ได้แจ้งกับทางโรงพยาบาลว่า ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของเจ้ายักษ์ ทางนางสาวพรทิพาจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งเบื้องต้นพบว่าทั้งค่าผ่าตัด ทั้งต้องซื้อเลือดจากธนาคารเลือด รวมทั้งต้องดูแลพักฟื้นเจ้ายักษ์สุนัขจรจัดตัวนี้กว่า 2 สัปดาห์ น่าจะอยู่ในราคาหลักแสน
 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ Watch Dog พร้อมด้วยเจ๊เก๋ คนที่ให้อาหารและ และน้ำ กับเจ้ายักษ์หมาจรตัวนี้ ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน เพื่อให้เอาผิดกับในสายป่านหนุ่มที่ทำร้ายเจ้ายักษ์หมาจร ซึ่งหลังแจ้งความ ลงประจำวันเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน. เตาปูน ได้เดินทางไปยังบ้านพักของนายสายป่าน พบว่าหลบหนีไปแล้วหลังจากเป็นข่าว โดย ทราบจากภรรยาว่า เดินทางไปจังหวัดชลบุรี แต่ไม่รู้ว่าไปทำธุระอะไร เบื้องต้นจะได้ติดตามตัวมารับ ทราบข้อกล่าวหาทารุณกรรมสัตว์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
 
ความคืบหน้าล่าสุด ที่ สน.เตาปูน นายสายป่าน  หนุ่มที่ทำร้ายเจ้ายักษ์สุนัขหมาจร เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทารุณกรรมสัตว์ และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ  โดยพบว่าเจ้าตัวนั้นพิการตาบอดข้างหนึ่ง และเดินหลบชาวบ้านที่ถือป้ายประท้วงสาปแช่งนายสายป่าน จนต้องหลบเข้าทางประตูด้านข้างของโรงพัก ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนภายในห้อง ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพทำข่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ Watch Dog เป็นเจ้าทุกข์ในการแจ้งความเอาผิดกับนายสายป่าน
 

ทั้งนั้ชาวบ้านกว่า 20 คนที่เดินทางมาต่างพากันชูป้ายด้วยถ้อยคำ ด่าทอนายสายป่าน  อาทิ เลวกว่าหมาก็มึงนี่แหละ, มึงทำร้ายหมาแมวอย่างไร้สติโหดเหี้ยมอันตราย, พวกเราไม่เอามึงเลวกว่าเดรัจฉานก็มึงนี่แหละทำร้ายหมาปางตาย เป็นต้น โดยทุกคนต่างอยากเห็นหน้านายสายป่าน หนุ่มใจร้ายที่ทำร้ายเจ้ายักษ์หมาจรจนอาการปางตายรายนี้
  หลังสอบปากคำเสร็จสิ้นนานกว่า 1 ชั่วโมง นายสายป่าน ได้ใส่หมวกคลุมหน้าใส่แว่น เดินออกมาจากห้องสอบสวน โดยมีชาวบ้านที่รออยู่หน้าห้อง ตะโกนด่าสาบแช่งด้วยความโกรธแค้น ระหว่างที่นายสายป่านกำลังจะเดินลงจากโรงพักด้านข้าง เพื่อหลบชาวบ้านได้ถูกชาวบ้านกรูเข้าประชาทัณฑ์จนเจ้าหน้าที่ต้องห้าม แต่ไม่วายโดนไปหลายตุ๊บ ต้องรีบแผ่นพาตัวเข้าห้องสืบสวนเพื่อทำประวัติและพิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนปล่อยตัวไปแล้วจะส่งฟ้องศาลในเช้าวันอังคาร เนื่องจากวันจันทร์เป็นวันหยุดชดเชยราชการ
 

ต่อมานายสายป่านได้ติดต่อขอพูดคุยกับ ผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตา และยอมรับว่าตนเองรู้สึกผิดที่ทำเกินกว่าเหตุทำร้ายเจ้ายักษ์จนอาการปางตาย หลังเป็นข่าววันแรกจนถึงกับช็อค ต้องส่งโรงพยาบาลตอนนี้แฟน ก็บอกเลิกหาว่าตนไปทำแบบนี้ เขาก็รับไม่ได้กับกระแสสังคมที่รุมด่า นายสายป่านยืนยันว่าตนทำร้ายเจ้ายักษ์เก่งแต่ที่ผ่านมาไม่เคยใช้ไม้หน้า 3 ตีแมวตายตามที่เป็นข่าว ตนเคยไล่แมวเวลา มาขี้หรือเยี่ยวที่หน้าบ้าน แค่นั้น สิ่งไหนที่ตนทำตนก็ยอมรับ ตนอยากไปเยี่ยมเจ้ายักษ์ และกราบขอโทษ ผอ.ฟ้านางสาวพรทิพา สุพัฒน์นุกูล ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี ที่ออกมารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ทั้งหมดของเจ้ายักษ์ ตนทุบกระปุกรวบรวมเงินมาได้ 8,000 บาท อยากจะมอบให้กับท่าน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเจ้ายักษ์ ตนยอมรับว่าคืนเกิดเหตุตอนดื่มเหล้าและมีความแค้นสะสมมานานกับเจ้ายักษ์หมาจรตัวนี้เนื่องจากเคยถูกมันกัดและไล่กวดรถประจำ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนคงไม่แก้ตัวอะไรเพราะถูกสังคมโจมตีและประจาน จนไม่เป็นอันทำงานแล้ว ต้นอยากถ่ายบาปทำความดีเป็นจิตอาสา ช่วยเหลือหมาแมวหากสังคมให้โอกา ส่วนค่ารักษาพยาบาลถ้าตนมีกำลังก็อยากจะผ่อนชำระช่วยเหลือเจ้ายักษ์หมาจร และอย่าไปกราบเท้าขอโทษผอ.ฟ้า รวมทั้งเยี่ยมเจ้ายักษ์ที่ รพ.สัตว์ นายสายป่าน กล่าว ขณะที่ชาวบ้านเองได้มอบกล้องวงจรปิด เพิ่มเติมให้กับผู้สื่อข่าว ขณะนายสายป่านใช้มีดจ้วงแทงเจ้ายักษ์หมาจรที่หลบเข้าไปใต้ท้องรถจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้สื่อข่าวพร้อมด้วยนางสาวพรทิพา สุพัฒน์นุกูล หรือ ผอ.ฟ้าผู้อำนวยการสถานีฟ้าให้ทีวี ได้เข้าเยี่ยมเจ้ายักษ์ที่โรงพยาบาลเลิศอานัน จ.ปทุมธานี และได้รับการเปิดจากทางสัตว์แพทย์ว่า ตอนนี้ได้ทำการผ่าตัดต่อท่อปัสสาวะ และทำหมันให้กับเจ้ายักษ์ไปเรียบร้อยแล้วต้องประเมินและรอดูอาการวันต่อวัน ตอนนี้อยากให้ทาง ผอ.ฟ้า ซื้อแพมเพิสขนาดใหญ่ของสุนัขพันธุ์โต ซึ่งต้องใช้เป็นจำนวนมากเนื่องจากต้องเปลี่ยนให้เจ้ายักษ์ทุกๆ 6 ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลได้ให้น้ำเกลือเพื่มเลือดกับเจ้ายักษ์ไปแล้ว 1 ถุง และจะดูว่าเกร็ดเลือดและค่าเลือดของเจ้ายักษ์จะดีขึ้นไหมหากดีขึ้นก็คงไม่ต้องให้เลือดแล้ว แต่ถ้าอาการทรุดเนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ ก็คงต้องหาซื้อเลือดจากธนาคารสุนัขมาเพิ่มให้กับเจ้ายักษ์ ทางโรงพยาบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือและดูแลเจ้ายักษ์ให้กลับมามีสุขภาพแข็งแรงแม้จะไม่เหมือนเดิมก็ตาม
 

ต่อมาทางนางสาวพรทิพาหรือ ผอ.ฟ้า ได้พาผู้สื่อข่าวขึ้นไปยังบริเวณชั้น 3 ของโรงพยาบาลเลิศอานัน เพื่อดูอาการของเจ้ายักษ์หมาจรที่ถูกทำร้ายจนปางตาย พบว่าในวันนี้ หลังจากฟื้นจากการผ่าตัดสามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้วแต่ยังมีสีหน้าอ่อนเพลียและ ดูกังวลหวาดวิตก เมื่อพบเห็นคนแปลกหน้า ซึ่ง ผอ.ฟ้าเอง ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับทางโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.68 จนถึงวันที่ 3 พ.ค.68  เป็นจำนวนเงิน 47,248 บาท ซึ่งเจ้ายักษ์เองนั้นต้องนอนพักรักษาตัวอีกไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์ เพื่อประเมินและดูอาการ โดยคาดว่าการรักษาพยาบาลเจ้ายักษ์ในครั้งนี้ จะใช้เงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทอย่างแน่นอน