วันที่ 11 มิ.ย.2568 พ.ต.ต.กิตติบดินทร์ กิมเซียะ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.อรัญญาฯ อายุ 31 ปี บริเวณหน้าบ้าน ม.6 ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 ผู้เสียหายต้องการหน้ากากอนามัย เพื่อใช้ในการป้องกันจากโรคโควิด 19 ที่กำลังระบาด ผู้เสียหายจึงได้หาซื้อหน้ากากอนามัยผ่านทางอินเตอร์เน็ต และจนได้มาพบเฟซบุ๊กหนึ่ง มีการประกาศขายหน้ากากอนามัยในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ทั้งได้ประกาศว่าสามารถหาสินค้ามาจำหน่ายได้ในจำนวนมากได้ ผู้เสียหายจึงได้หลงกลและตกลงซื้อขายหน้ากากอนามัยดังกล่าว โดยมีข้อเสนอในเรื่องการโอนมัดจำและเมื่อมีสินค้า จึงจะให้โอนในจำนวนยอดที่เหลือค้างชำระ จากนั้นผู้เสียหายได้โอนมัดจำเพื่อสั่งซื้อด้วยเงินจำนวนหนึ่งไปยังชื่อบัญชี ดารัตน์ฯ (ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น น.ส.อรัญญาฯ ผู้ต้องหารายนี้) ต่อมาเมื่อถึงวันเวลาที่ตกลงกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้ลวงผู้เสียหายว่ามีสินค้าเข้ามาครบแล้วให้โอนยอดชำระที่เหลือได้ทันทีที่บัญชีเดิม จากนั้นผู้เสียหายได้หลงกลโอนเงินให้จนครบตามตกลงแล้ว ผู้เสียหายกลับไม่สามารถติดต่อเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวได้อีก ผู้เสียหายจึงคิดว่าโดนหลอกแล้ว จึงได้หาข้อมูลเพิ่มเติมทางสื่อออนไลน์พบว่า เลขบัญชี และชื่อเจ้าของบัญชีดังกล่าวเคยหลอกผู้อื่นหลายรายในลักษณะเดียวกันกับที่ตนถูกหลอก มูลค่าความเสียหายโดยรวมเกือบแสนบาท
ต่อมา เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและการฟอกเงิน พร้อมข่มขู่ว่าหากไม่ให้ความร่วมมือจะถูกดำเนินคดี ผู้แอบอ้างหลอกให้ผู้เสียหายแอดไลน์ และส่งเอกสารที่มีตราครุฑอ้างเป็นเอกสารราชการมาให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมกับหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีที่แจ้งไว้ผ่านทางไลน์ พร้อมทั้งขอข้อมูลบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตของมารดาผู้เสียหายอีกด้วย ด้วยความกลัวผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินรวม 18 ครั้ง 14 บัญชี เป็นเงิน 3,292,127.92 บาท ในจำนวนนี้เป็นบัญชีชื่อ น.ส.อรัญญาฯ(ผู้ต้องหา) ผู้เสียหายได้โอนเงินไป 2 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 313,743 บาท ต่อมาผู้เสียหายจึงนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับมารดา จึงได้มาคิดทบทวนแล้วเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และเมื่อผู้เสียหายเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็พบว่า น.ส.อรัญญาฯ เป็นบุคคล คนเดียวกับ น.ส.ดารัตน์ฯ ที่เคยก่อเหตุใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายหลายราย รวมถึงผู้เสียหายด้วย ในกรณีหลอกขายหน้ากากอนามัยเมื่อปี 2563 ช่วงที่โรคโควิด 19 ระบาดนั้นเอง
จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ช่วงปี 2565 หลังก่อเหตุหลอกขายหน้ากากอนามัยให้ผู้เสียหายแล้ว น.ส.ดารัตน์ฯ ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.อรัญญาฯ และได้หลบไปทำงานในพื้นที่
อ.เขาสมิง จ.ตราด โดยผู้ต้องหามีการเดินทางข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา ผ่านทางช่องทางธรรมชาติอยู่เป็นประจำต่อมาชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบน.ส.อรัญญาฯ หนีมาทำงานอยู่ที่สวนผลในพื้นที่ ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับให้ น.ส.อรัญญาฯ ทราบ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับและแจ้งสิทธิตามกฎหมายข้างต้นให้ทราบ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของน.ส.อรัญญา ฯ พบว่า นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 333/2565 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนและนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้”อีกด้วย
©2018 CK News. All rights reserved.