วันที่ 12 ก.ค. 2568 ร้อยตำรวจเอก นราศักดิ์ วงค์โปทา รอง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันหลายคัน บริเวณถนนสุขสวัสดิ์ ใกล้เคียงปากซอยสุขสวัสดิ์ 35 ทิศทางมุ่งหน้าสามแยกพระประแดง และภายในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.เขตราษฎร์บูรณะ ) และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูเร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
ที่เกิดเหตุบนถนนสุขสวัสดิ์ ใกล้เคียงปากซอยสุขสวัสดิ์ 35 ทิศทางมุ่งหน้าสามแยกพระประแดง เเขวง ราษฎร์บูรณะ เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ภายในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อบรรทุกทรายมาเต็มลำ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หัวพ่วง ทะเบียน 53-5845 กรุงเทพมหานคร ส่วนท้ายพ่วงทะเบียน 53-5846 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพชนเข้ากับท้ายรถประจำทางปรับอากาศ สาย 21 E สีน้ำเงิน หมายเลขข้างรถ 5-70053 ทะเบียน 16-1360 กรุงเทพมหานคร จนรถประจำทางคันดังกล่าวได้พุ่งไปชนกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล สีน้ำเงิน ทะเบียน ฐธ 1362 กรุงเทพมหานคร จนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลชนติดคาอยู่กับต้นไม้ข้างทางแล้วเสาของป้ายบอกทางถึงกับหักโค่นไปทับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น แกรนฟีราโน่ สีดำ ทะเบียน 7 ขห 8450 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหายทั้งคัน ส่วนด้านหลังรถพ่วงมีรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน 16-3148 กรุงเทพมหานคร จอดนิ่งสนิทอยู่ในสภาพ ประตูหน้าด้านขวามีร่องรอยของการถูกเฉี่ยวชนอย่างรุนแรง กระจกมองข้างหลุดกระเด็นออกจากตัวรถหายไป กันชนหน้าพังเสียหายยับเยิน
จากการสอบถามนายพิทักษ์ ชาวแปดริ้ว ผู้ขับขี่รถเก๋ง ซึ่งเป็น 1 ในรถที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า ตัวเองขับขี่รถมากับลูกสาว โดยจอดรถรอน้องสาวอยู่ที่ช่องทางซ้ายสุดบนถนนสุขสวัสดิ์ จู่ ๆ ก็มีรถเมล์พุ่งเข้ามาชนด้านท้าย ทำให้รู้สึกตกใจแต่ก็มองเห็นว่าก่อนเกิดเหตุ รถเมล์ได้ขับมุ่งหน้ามาทางรถของตัวเองโดยไม่มีการเบรค เบื้องต้นทราบว่ารถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ คันต้นเหตุเบรกแตกมาตั้งแต่อยู่บนทางด่วนทำให้พุ่งชนท้ายรถตู้โดยสาร และรถโดยสารประจำทางมาเป็นทอด ๆ โดยหลังเกิดเหตุ ลูกสาวมีอาการเจ็บเล็กน้อยคือรู้สึกมึนศีรษะ
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดประมาณ 55 คน เจ้าหน้าที่ได้นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย โดยส่วนใหญ่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนสาเหตุล่าสุดพนักงานสอบสวนสน.ราษฏร์บูรณะ ได้เข้าทำการตรวจสอบและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในเกิดเหตุเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง
©2018 CK News. All rights reserved.