สืบเพชรเกษม รวบสองโจรย่องเบาลักทรัพย์พระเครื่อง


10 ส.ค. 2568, 13:13

สืบเพชรเกษม รวบสองโจรย่องเบาลักทรัพย์พระเครื่อง




วันที่ 10 ส.ค.2568พ.ต.อ.ปราโมทย์  จันทร์บุญแก้ว  ผกก.สน.เพชรเกษม, พ.ต.ท.วรงค์กรณ์ ขจรบุญญาวัฒน์ รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม, พ.ต.ท.ธวัชชัย  ทิพย์วงษ์ สว.สส.สน.เพชรเกษม นำกำลังชุดสืบสวน สน.เพชรเกษม จับกุมนายเอกราช รัตนวราภรณ์ (เอก) อายุ 44 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี และ นายพัฒนา สะอาดเอี่ยม (โต๊ด) อายุ 23 ปี ชาว จ.กรุงเทพฯ ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” โดยจับกุมนายเอกได้ที่ บริเวณหน้าห้องเลขที่ 23/717  ชั้น 7 ตึก 3 วังเกษมคอนโด ซอยเพชรเกษม 65  ส่วนนายโต๊ด ได้ที่บริเวณหน้าบ้านพักไม่มีเลขที่ ภายในชุมชนปู่เย็นฺย่าคำ ซอยเพชรเกษม 65 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 

พร้อมด้วยของกลาง พระพุทธรูปปางมาวิชัย (ชนะมาร) ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 1 องค์, รูปหล่อหลวงพ่อรวย ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 1 องค์, เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว สีเขียว จำนวน 1 ตัว, กางเกงขางสั้น สีลายขาวสลับน้ำเงิน จำนวน 1 ตัว และรองเท้าแตะแบบสวม ยี่ห้อ Hello Polo สีตาลอ่อน จำนวน 1 คู่

การจับกุมครั้งนี้เสร็จเนื่องจาก เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 04.00 น.ได้เกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน ได้ร่วมกันใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะก่อเหตุลักทรัพย์พระพุทธรูปจำนวน 3 องค์ ที่บ้านเลขที่ 250 – 250/4 ซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

จึงได้รายงานเหตุให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ และได้สั่งการให้สืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ซึ่งจากการสืบสวนตัวคนร้ายโดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะที่คนร้ายก่อเหตุไว้ได้ รวมทั้งเส้นทางมาก่อเหตุและเส้นทางหลบหนีหลังเกิดเหตุทำให้ทราบตำหนิรูปพรรณ ต่อมาตำรวจชุดจับกุมตัวได้ติดตามเส้นทางที่หลบหนีของคนร้ายจนทราบว่าคนร้ายหลบหนีมาอยู่บริเวณห้องเลขที่ 23/717  ชั้น 7 ตึก 3 วังเกษมคอนโด ซอยเพชรเกษม 65 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ

จึงได้ไปตรวจสอบพบ นายเอกราช หรือเอก รัตนวราภรณ์ ผู้ต้องหาที่ 1 คนซ้อนซึ่งมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงกับคนร้ายที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์และเป็นผู้ลงมือก่อเหตุลักทรัพย์พระพุทธรูปที่บ้านเลขที่ 250 – 250/4  ตามภาพกล้องวงจรปิด เมื่อนายเอกราช หรือเอกฯ พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงอาการมีพิรุธต้องสงสัย จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น โดยก่อนตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ให้ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว ยินยอมให้ตรวจค้น

ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จากการสอบถามนายเอกราชฯ ผู้ต้องหาที่ 1 รับว่าตนเป็นบุคคลซ้อนท้ายและเป็นผู้ลงมือก่อเหตุลักทรัพย์พระพุทธรูปตามภาพในกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูจริง และยังได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดพระพุทธรูป และรูปหล่อหลวงพ่อรวย (ของกลางลำดับที่ 1.1-1.2) ซึ่งอยู่ในห้องพักของผู้ต้องหาที่ 1 รวมทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช้ในการก่อเหตุ (ของกลางลำดับที่ 1.3-1.5) และรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ (ของกลางลำดับที่ 1.6) ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วตรงกับภาพถ่ายวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ ทั้งยังรับว่าบุคคลที่ขับรถจักรยานยนต์และร่วมกันลักทรัพย์คือ นายพัฒนา หรือโต๊ด สะอาดเอี่ยม ผู้ต้องหาที่ 2 (ทราบชื่อและนามสกุลจริงภายหลัง) ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่รู้จักกัน และหลังจากก่อเหตุได้แบ่งพระพุทธรูปจำนวน 1 องค์ ให้กับนายพัฒนาฯ

จากนั้นได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบกับ นายพัฒนาฯ ซึ่งพักอยู่ที่ภายในชุมชนปู่เย็นฺย่าคำ ซอยเพชรเกษม 65 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ เมื่อไปถึงพบนายพัฒนาฯ อยู่ที่หน้าบ้านพักดังกล่าว เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แสดงอาการมีพิรุธต้องสงสัย จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จากการสอบถามนายพัฒนาฯ รับว่าตนเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามคลิปจากล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ดูจริง และยังได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดพระพุทธรูป จำนวน 1 องค์ (ของกลางลำดับที่ 2.1) และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ตนเองใช้สวมใส่ (ของกลางลำดับที่ 2.2-2.5)  ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วตรงกับภาพถ่ายวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ และได้ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจยึดไว้ ในเบื้องต้นเจ้าพนักงานชุดจับกุมพิจารณาแล้วเห็นว่าได้พบผู้ต้องหาทั้งสองนี้ พร้อมด้วยของกลางคือพระพุทธรูปที่ได้มาจากการกระทำผิดอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งเมื่อผู้เสียหายได้มาดูแล้วยืนยันว่าเป็นพระพุทธรูปของตนเองที่ถูกลักเอาไปจริง ซึ่งเป็นพยานหลักฐานอันเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองนี้ได้กระทำความผิดจริง ประกอบกับมีภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดซึ่งบันทึกภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้ ผู้ต้องหาทั้งสองได้นี้รับว่าเป็นบุคคลตามภาพวงจรปิด และให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์จริง

สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองนี้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หากเป็นการเนิ่นช้าที่จะเอาหมายจับมาได้ เกรงว่าจะหลบหนี จึงได้ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย





คำที่เกี่ยวข้อง : #ลักทรัพย์  









©2018 CK News. All rights reserved.