“เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟฯ” พร้อมปักหมุด “MEDICAL FAIR THAILAND 2025”ดันไทยประตูการแพทย์ของภูมิภาค พร้อมชี้สัญญาณการเติบโตเมือง-ประชากรอาเซียน บิ๊กดีมานด์การแพทย์ จัดเต็มพื้นที่ 2 หมื่นตร.ม.ตอกย้ำศักยภาพไทย “เมืองแพทย์สุดล้ำ”
กระทรวงสาธารณสุข สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน เผยความพร้อม – ความแข็งแกร่งระบบการแพทย์ไทย พร้อมร่วมเป้าหมายรัฐ ผลักดันไทยสู่ฮับสุขภาพนานาชาติ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสุขภาพ 6.9 แสนล้านบาท ดันจีดีพีโต 3.39 %
กรุงเทพฯ 14 สิงหาคม 2568 – บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จับมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชนไทย เตรียมพร้อมมหกรรมเทคโนโลยีแพทย์นานาชาติ จัดงาน “MEDICAL FAIR THAILAND 2025” งานแสดงสินค้านวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และบริการสุขภาพระดับนานาชาติ ที่รวมผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมการแพทย์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะมีผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพมากกว่า 1,000 ราย จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง 20 พาวิลเลียนไทยและนานาชาติ มาจัดแสดงอุปกรณ์และเวชภัณฑ์อย่างครบวงจร บนพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร งานแสดงสินค้าครั้งนี้จะนำเสนออย่างครบวงจร ทั้งห่วงโซ่มูลค่าในภาคการดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับโรงพยาบาล การวินิจฉัย เครื่องมือแพทย์ โซลูชันฟื้นฟูสุขภาพ เทคโนโลยีดิจิทัลด้านสุขภาพ ไปจนถึงการผลิตขั้นสูง พร้อมการประชุมสัมมนาที่นำเสนอหัวข้อบรรยายเชิงลึก อัปเดทเทรนด์เมดิคัลเทค-เฮลธ์เทค-เอไอ เสริมแกร่งระบบสาธารณสุขไทย เชื่อมโอกาสอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และบริการสุขภาพแบรนด์ไทย ก้าวสู่ตลาดอาเซียนอย่างยั่งยืน โดยงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 จัดขึ้นในวันที่ 10–12 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
มร.เกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย เปิดเผยว่า ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในภาวะการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยคาดว่าประชากรในภูมิภาคนี้จะมีจำนวนเกิน 722 ล้านคนภายในปี 2573 ด้วยปัจจัยจากการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุควบคู่กับการขยายตัวของชนชั้นกลาง กำลังผลักดันความต้องการบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสูง เข้าถึงได้ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จากรายงานของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UN ESCAP) สัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปในกลุ่มประเทศอาเซียน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 22.2% ภายในปี 2593 ซึ่งเป็นสัญญาณและแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุข และมีความจำเป็นเร่งด่วนในการขยายโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาบริการดูแลผู้สูงอายุ และโซลูชันใหม่ๆ เพื่อการดูแลเชิงป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยคาดว่าประชากรในภูมิภาคจะมีจำนวนเกิน 722 ล้านคนภายในปี 2573 ปัจจัยร่วมจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วและการขยายตัวของชนชั้นกลาง กำลังผลักดันให้เกิดความต้องการบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพสูง เข้าถึงได้ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
“เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ยังคงตระหนักถึงบทบาทที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางชั้นนำด้านนวัตกรรมการแพทย์ของอาเซียน งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการลงทุนในอุตสาหกรรม MedTech และ HealthTech ของประเทศ ซึ่งมีศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนอย่างต่อเนื่องนับพันล้านบาทในอนาคต ภายใต้วิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฮับการแพทย์ระดับภูมิภาค งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญเชื่อมโยงนวัตกรรมไทยกับพันธมิตรทั่วภูมิภาค สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศด้านการดูแลสุขภาพของอาเซียน การจัดงานครั้งนี้นับเป็นปีที่ 11 แล้ว โดยมุ่งมั่นที่จะขยายแพลตฟอร์มของงานให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการอุตสาหกรรมการแพทย์ของภูมิภาค”
ไฮไลท์ในงาน MEDICAL FAIR THIALAND 2025 ประกอบด้วย
• LaunchPad Zone – พื้นที่สำหรับผู้ร่วมแสดงสินค้าที่จะมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีล่าสุด โดยแพลตฟอร์มนี้เปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆได้นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันล้ำสมัยโดยตรงแก่กลุ่มเป้าหมายซึ่งประกอบด้วย ผู้จัดจำหน่าย ผู้ซื้อ และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ จุดประกายโอกาสทางธุรกิจ และเร่งเข้าสู่ตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
• Community Care Zone – พื้นที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และเทคโนโลยีด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ การดูแลผู้สูงอายุ และสุขภาพชุมชน กว่า 100 รายการ มุ่งเน้นการแสดงนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สนับสนุนการใช้ชีวิตอย่างอิสระ และเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูสุขภาพ ตั้งแต่อุปกรณ์ช่วยการเคลื่อนไหวขั้นสูงและอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ ไปจนถึงโซลูชันการดูแลแบบบูรณาการสำหรับสังคมผู้สูงอายุ
• Medical Manufacturing Zone –พื้นที่จัดแสดงโซลูชันการผลิตและการสร้างเครื่องมือแพทย์ นำเสนอโอกาสสำคัญสำหรับผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ในการแสดงศักยภาพด้านวิศวกรรมแม่นยำ ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง และเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ
• WT | Wearable Technologies Conference – การประชุมว่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่และการประยุกต์ใช้ในด้านสุขภาพ กีฬา และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ตั้งแต่การจัดการโรคเรื้อรังและการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น ไปจนถึงการแพทย์ทางไกลและการติดตามอาการผู้ป่วยจากระยะไกล โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจะมาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและความก้าวหน้าในการดูแลผู้ป่วย การติดตามสมรรถภาพ และโซลูชันสุขภาพผ่านอุปกรณ์สวมใส่
“เมสเซ่ ดุสเซดอร์ฟ เอเชีย ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรม MedTech ในเอเชียที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการสำรวจล่าสุดพบว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) มีสัดส่วนการใช้จ่ายด้าน MedTech คิดเป็นราว 30% ของตลาดโลก โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 121-140 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2568 ทางด้านอาเซียน มีประชากรกว่า 678 ล้านคน และมี GDP รวม 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 (เพิ่มขึ้นจาก 3.8 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2566) ซึ่งสะท้อนถึงน้ำหนักทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจากความต้องการด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยการขยายตัวของชนชั้นกลาง การเข้าถึงระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้น ตลอดจนการนำโมเดลการดูแลสุขภาพดิจิทัลและการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมาใช้อย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค”
ทั้งนี้ Medical Fair Thailand 2025 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมชมงานล่วงหน้า ได้ที่ www.medicalfair-thailand.com” มร. เกอร์นอท กล่าวเพิ่มเติม
นายอดุลย์ ขมิ้นเขียว ผู้อำนวยการกองวิศวกรรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้โลกของเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยเฉพาะในแวดวงสุขภาพ ประเทศไทยของเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของโลก (Medical Hub) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยสองพลังที่สำคัญยิ่ง พลังแรกคือ "นวัตกรรม" ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเทคโนโลยีการแพทย์ (MedTech), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), และการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าการดูแลสุขภาพไปอย่างสิ้นเชิง และพลังที่สอง ซึ่งเป็นรากฐานที่ขาดไม่ได้ คือ "ความปลอดภัยและมาตรฐาน" เพราะนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดจะไร้ความหมาย หากปราศจากความไว้วางใจจากประชาชนมาตรฐาน HS4 ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ระบบสาธารณสุขไทยมีศักยภาพแข่งขันในระดับสากล โดยมุ่งเป้ายกระดับขีดความสามารถของสถานพยาบาลภาครัฐทั่วประเทศให้ได้มาตรฐานระบบบริการสุขภาพ HS4 (Health Standard Service Support System) ภายใต้ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และ 2559 เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างชาติ ส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพโลก โดยที่มาตรฐาน HS4 จะครอบคลุมด้านสำคัญต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการ การบริการสุขภาพ มาตรฐานอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งรวมถึงด้านความปลอดภัยและคุณภาพของเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วย
“การพัฒนาระบบบริการสุขภาพในยุคปัจจุบันต้องอาศัยนวัตกรรมทางการแพทย์ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีทั้งคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยอยู่ในระดับสูงสุดต่อผู้ป่วย การบูรณาการเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ จึงต้องควบคู่ไปกับการออกแบบการดูแลที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางแบบองค์รวม (Patient-Centered Care) ครอบคลุมทั้งการป้องกันโรค การวินิจฉัย การรักษา และการฟื้นฟูสมรรถภาพ สำหรับนวัตกรรม MedTech ภายใต้แนวทางมาตรฐาน HS4 นี้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา ลดความเสี่ยงจากการใช้เครื่องมือ แต่ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การรักษาให้ผู้ป่วยได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีส่วนร่วมในกระบวนการดูแลรักษามากขึ้น อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและความยั่งยืนของระบบสาธารณสุขไทย ทั้งนี้งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 จะเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมนวัตกรรมการแพทย์ MedTech HealthTech และ AI เพื่อต่อยอดการใช้งานจริงในโรงพยาบาล นำไปสู่การตอบโจทย์ของการบริการสุขภาพที่มีความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างยั่งยืน”
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองวิศวกรรมการแพทย์ ยังได้ร่วมจัดสัมมนาภายใต้หัวข้อ "ผนวกนวัตกรรมและความปลอดภัย: ทิศทางเทคโนโลยีการแพทย์ภายใต้มาตรฐาน HS4 และการดูแลที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง"
โดยเป็นส่วนหนึ่งของงานแสดงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค MEDICAL FAIR THAILLAND 2025 ณ ไบเทค บางนา เพื่อมอบแผนที่นำทางเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้บริหารสถานพยาบาลไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการนำนวัตกรรมมาใช้และการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมสุขภาพ ทั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงงานสัมมนา แต่ยังเป็นการสร้างชุมชนของผู้นำที่จะขับเคลื่อนระบบสุขภาพของไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งผู้ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับประโยชน์สูงสุด ได้รับแรงบันดาลใจ และกลยุทธ์ที่นำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อสร้างโรงพยาบาลที่ไม่เพียงแต่ล้ำสมัยด้วยนวัตกรรม แต่ยังเป็นที่ไว้วางใจสูงสุดในด้านความปลอดภัย นายอดุลย์ ให้ความเห็นเพิ่มเติม
ด้าน นายจารุเดช คุณะดิลก ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ (MeDIC) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ แนวโน้มกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเข้ามารักษาในสถานพยาบาลของไทยเพิ่มขึ้น การสร้างโรงพยาบาลใหม่และการขยายพื้นที่เพื่อรองรับผู้ป่วยต่างชาติ ตลอดจนตลาดส่งออกเครื่องมือแพทย์กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองเติบโตมากขึ้น ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกเครื่องมือแพทย์ 133,393 ล้านบาท และนำเข้าที่ 96,937 ล้านบาท สำหรับรายงานล่าสุดในปีนี้ พบว่าในเดือนม.ค.-เม.ย.2568 ส่งออกเครื่องมือแพทย์ 42,695 ล้านบาท และนำเข้าที่ 31,477 ล้านบาท ดังนั้นทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงตระหนักถึงความสำคัญของการอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ก้าวเข้าสู่อุตสาหกกรรมเป้าหมายใหม่หรือ New S-Curve เร่งพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่ม GDP จากการผลิต การจ้างงาน การลงทุน และทดแทนการนำเข้าประเภทเครื่องมือแพทย์
“กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ (MeDIC) เดินหน้าในการสร้างพันธมิตรข้ามอุตสาหกรรม เชื่อมโยงผู้ผลิตด้านดิจิทัลเฮลท์ สถาบันวิจัย ผู้ให้บริการทางการแพทย์ ผู้ประกอบการ นักลงทุน เพื่อเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และนวัตกรรมสุขภาพไทย ซึ่งตอบรับยุทธศาสตร์ของรัฐในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ปี 2568-2577 ทั้งนี้ ภาครัฐจะต้องมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในทุกมิติ ทั้งด้านการผลิต การพัฒนามาตรฐาน การวิจัยและนวัตกรรม การส่งเสริมการใช้สินค้าเครื่องมือแพทย์ในประเทศ และการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยผลักดันอีโคซิสเต็มสุขภาพของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปีนี้ MEDICAL FAIR THAILAND 2025 จะเป็นเวทีสำคัญที่สนับสนุนผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์ไทยให้ได้แสดงศักยภาพ เชื่อมต่อกับพันธมิตรระดับโลก และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องมือและนวัตกรรมแพทย์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในนานาชาติ” นายจารุเดช กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ นพ.ไพบูลย์ เอกแสงศรี นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า ในปีนี้คาดการณ์ว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยจะมีกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น 7.6% โดยประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism) แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ การทรานส์ฟอร์มนวัตกรรมการแพทย์ที่มาอย่างรวดเร็ว การขยายตัวของประชากรสูงวัย รวมถึงโรคอุบัติใหม่ ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันให้โรงพยาบาลเอกชนต้องปรับกลยุทธ์และยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยให้ครอบคลุมทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย ประสบการณ์บริการให้ได้มาตรฐานสากล สอดรับกับนโยบายของรัฐ ที่ได้มีการกำหนดเป้าหมายในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากเศรษฐกิจสุขภาพ (Health Economy) จำนวน 690,000 ล้านบาทในปี 2568 ซึ่งคิดเป็น 3.39% ของ GDP ประเทศไทย
“โรงพยาบาลเอกชนไทยเป็นอีกกลไกทางสุขภาพที่สร้างรายได้และชื่อเสียงให้ประเทศไทยอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามจากผลกระทบทตามภาวะเศรษฐกิจโลก ได้ส่งผลต่อเนื่องมายังกำลังซื้อและการใช้จ่ายด้านสุขภาพของชาวไทย ประกอบกับประชาชนให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้นเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา อีกทั้งพฤติกรรมของผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนที่คาดหวังในคุณภาพการรักษาและบริการที่คุ้มค่ามากขึ้น ดังนั้นการส่งเสริมการลงทุนและการนำนวัตกรรมการแพทย์แบรนด์ไทยมาใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญและควรเร่งผลักดัน เพื่อยกระดับคุณภาพการรักษา และขยายโอกาสให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ตลอดจนลดการพึ่งพานำเข้าของนวัตกรรม อุปกรณ์และเครื่องมือการแพทย์ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งจะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับระบบสาธารณสุขไทย”
ขณะที่ มร. คริส แมคควิน กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ KAOUN International ผู้จัดงาน GITEX Digi-Health & Biotech Thailand กล่าวถึง การผนึกกำลังร่วมกับ MEDICAL FAIR THAILAND ในครั้งนี้ว่า งาน GITEX DIGI HEALTH & BIOTECH Thailand 2025 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจและการสนับสนุนจาก GITEX GLOBAL งานด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–12 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พร้อมจัดควบคู่กับงาน MEDICAL FAIR THAILAND
“งานนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก กระทรวงสาธารณสุข โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าด้าน ดิจิทัลเฮลท์ (Digital Health), เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทเลเมดิซีน (Telemedicine) และ โครงสร้างพื้นฐานโรงพยาบาล ตลอดระยะเวลา 3 วันของการจัดงาน ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสนวัตกรรมล้ำสมัย ร่วมรับฟังการประชุมเชิงวิชาการจากผู้ทรงคุณวุฒิ และเข้าร่วมโปรแกรมจับคู่ธุรกิจที่คัดสรรขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อเชื่อมโยงสตาร์ทอัพ นักลงทุน ผู้นำด้านสาธารณสุข และผู้กำหนดนโยบายจากทั่วภูมิภาคอาเซียน หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การแข่งขัน Supernova Pitch Competition ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากงาน Expand North Star ในดูไบ ซึ่งเป็นงานสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสุขภาพนำเสนอผลงานนวัตกรรมต่อหน้านักลงทุนชั้นนำ เพื่อชิงเงินรางวัลมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมโอกาสต่อยอดธุรกิจสู่การเติบโตในระดับนานาชาติ” มร.คริส กล่าวเพิ่มเติม
ติดตามการจัดงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 ได้ที่ www.medicalfair-thailand.com และ www.gitexdigihealth.com
©2018 CK News. All rights reserved.