ตำรวจ ปอท. ขยายผลจับกุม ชาวเกาหลีใต้ คาสนามบินสุวรรณภูมิ ฟอกคริปโตเป็นทองคำแท่ง 


23 ส.ค. 2568, 10:54

ตำรวจ ปอท. ขยายผลจับกุม ชาวเกาหลีใต้ คาสนามบินสุวรรณภูมิ ฟอกคริปโตเป็นทองคำแท่ง 




วันที่ 23 ส.ค.2568 พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง, พ.ต.ท.จักรพงษ์ รุ่งกำจัด, พ.ต.ท.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.กก.2 บก.ปอท., พ.ต.ต.ลัทธพล อัครปัญญา สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม. ร่วมกันจับกุม  MR. HAN อายุ 33 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 822/2568 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 สถานที่จับกุม สนามบินสุวรรณภูมิ ขาเข้า 

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงน้ำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ได้มีผู้เสียหายซึ่งต้องการหางานทำเพื่อหารายได้พิเศษได้พบโพสต์ประกาศหางานในสื่อโซเชียลมีเดีย ประกาศว่าเป็นการทำงานพิเศษเสริมรายได้โดยเป็นการรับสินค้าไปแพ็กที่บ้าน ต่อมาผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงได้ติดต่อพูดคุย โดยในช่วงแรกคนร้ายได้ชักชวนให้ทำงานพิเศษในรูปแบบออนไลน์ โดยเป็นงานกดไลค์ กดเพิ่มยอดติดตามต่างๆ เมื่อผู้เสียหายได้ทดลองทำงานดังกล่าวปรากฎว่าได้รับเงินจากการทำงานจริงเป็นจำนวนหลายครั้ง จากนั้นคนร้ายจึงเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ โดยกิจกรรมดังกล่าวผู้เสียหายจะต้องนำเงินมาลงทุนก่อน จากนั้นจึงจะได้รับผลตอบแทนจากการทำงานตามเงินลงทุนที่ลงทุนไป โดยมีผลตอบแทนประมาณ 30%-50% ภายหลังผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้นำเงินไปร่วมลงทุน โดยในช่วงแรกมีการให้ผลตอบแทนในการลงทุนจริง จากนั้นคนร้ายได้มีการหลอกลวงให้ผู้เสียหายนำเงินไปลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งภายหลังผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ โดยคนร้ายให้เหตุผลว่าเป็นความผิดของผู้เสียหาย อ้างว่าไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนด 

ภายหลังผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญา และได้เข้าตรวจค้นจำนวน 20 จุด 8 จังหวัด ทั่วประเทศไทย ซึ่งจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้ จำนวน 10 ราย ได้แก่ สมาชิกแก๊งฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจำนวน 5 ราย และเจ้าของบัญชีม้าที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน  5 ราย
ต่อมา วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกับ บก.ตม. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า MR. HAN สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 822/2568 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 จะเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเที่ยวบินจากประเทศเกาหลีใต้มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุมตัวผู้ต้องหา จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ขณะที่กำลังผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วยตรวจยึดของกลาง คือ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งภายในมีข้อมูลบัญชีคริปโต แพลตฟอร์มต่างๆ จำนวนหลายบัญชี และหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ให้การรับในข้อเท็จจริง ว่าเคยไปศึกษาที่ประเทศจีน เป็นเวลา 6 ปี จากนั้นได้กลับมาทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยทำงานกับบริษัทที่ทำหน้าที่ฟอกเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ เป็นทองคำแท่ง ให้แก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย MR. HAN ได้เปิดบัญชีคริปโตแพลตฟอร์มต่างๆ ให้แก่บริษัทไว้ใช้ในการรับเงินดิจิทัลจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์โอนเงินดิจิทัล มายังบัญชีคริปโตดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการติดต่อนายหน้าในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อหาซื้อทองคำแท่งให้แก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบริษัทจะแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลที่ได้รับ เป็นเงินวอนเกาหลีใต้ เพื่อนำไปชำระให้นายหน้า จากนั้นนายหน้าดังกล่าวจะติดต่อบริษัทต่างๆที่ขายทองคำแท่ง ในต่างประเทศ เพื่อดำเนินการซื้อทองคำแท่ง แล้วนำส่งไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจสอบเชื่อว่า การฟอกคริปโตเป็นทองคำแท่งแต่ละครั้ง มีน้ำหนักทองไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม (ประมาณ 33 ล้านบาท) และจากการตรวจสอบบัญชีคริปโตของผู้ต้องหา ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2567 มีการรับเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ รวมมูลค่าประมาณ 47,300,000 USDT (ประมาณ 1,650 ล้านบาท) ซึ่งเชื่อว่าเงินจำนวนนี้ได้ถูกฟอกเป็นทองคำแท่งให้แก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์
 





คำที่เกี่ยวข้อง : #แก๊งคอลเซ็นเตอร์  









©2018 CK News. All rights reserved.