วันที่ 9 ส.ค.2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป.,พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่นรอง ผบก.ป., พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป.,
พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.อภิมัณฑ์ บานชื่น รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ณัฐดนัยสีแข่ไตร รอง ผกก.3 บก.ป. และพ.ต.ท.ศิษฏ์ พูลวงศ์ รอง ผกก.3 บก.ป.
 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ธีรศักดิ์  นามเขต สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.ต.สนทยา บัวถนอม รอง สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. มีหน่วยร่วมจับกุม ได้แก่ ร้อย.ฉก.ทพ.2108, ตชด.244
(ชฝต.ชด.1) สภ.เหล่าหลวง และฝ่ายปกครอง อ.บึงโขงหลง
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย
1. นายทนะรัตณ์ฯ หรือ ลีโอ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 คนขับรถ
2. นายนัทธพงษ์ฯ หรือ ฟาง อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 คนนั่งซ้อนท้าย
กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิด
การแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และ ผู้ต้องหาที่ 2 เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย”
 

สถานที่จับกุม บริเวณด้านหลังวัด ต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ต่อเนื่อง หมู่ที่ 3 บ้านไทยเจริญ ต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ต่อเนื่อง หมู่ที่ 2 บ้านท่าไร่ ต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
 

พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดได้รับแจ้งว่า นายอดิศักดิ์ฯ หรือ “อบ ไข่มุก” ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ และได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ครั้งก่อน ข้ามไปอยู่พื้นที่บ้านขอนขว้าง เมืองปากกระดิ่ง สปป.ลาว เพื่อดำเนินกิจการค้ายาเสพติด โดยเตรียมลักลอบลำเลียง ยาบ้าจำนวนมาก เข้ามายังฝั่งไทย เพื่อส่งต่อให้กับเครือข่ายในประเทศ โดยมีเป้าหมายคือ นายนัทธพงษ์ฯ หรือ “ฟาง” อายุ 20 ปี ซึ่งนัดหมายส่งมอบของกลางบริเวณท่าริมฝั่งแม่น้ำโขง เชื่อมต่อถนนด้านหลังวัด (เส้นทางบ้านท่าไร่–บ้านท่าดอกคำ)

เจ้าหน้าที่จึงได้รายงานข้อมูลต่อผู้บังคับบัญชา และได้รับคำสั่งให้เร่งสืบสวนติดตามเพื่อวางแผนเข้าจับกุมทันที กระทั่ง ขณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ปฏิบัติการซุ่มเฝ้าพื้นที่เป้าหมาย ได้พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย 1 คัน ขับขี่ซ้อนท้ายกันมาจากถนนท่าริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านท่าไร่ มุ่งหน้ามาตามเส้นทางด้านหลังวัด ลักษณะตรงตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งก่อนหน้า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่ชายทั้งสองกลับมีท่าทีพิรุธ ไม่ยอมหยุดรถตามคำสั่ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจสกัดจับและควบคุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อภายหลังคือ นายทนะรัตณ์ฯ หรือ “ลีโอ” อายุ 20 ปี ผู้ขับขี่ และ นายนัทธพงษ์ฯ หรือ “ฟาง” อายุ 20 ปี ผู้ซ้อนท้าย
 

จากการตรวจค้น พบกระสอบปุ๋ยสีเขียวห่อหุ้มด้วยเสื้อแขนยาวสีดำ วางอยู่กึ่งกลางเบาะนั่ง ระหว่างผู้ต้องหาทั้งสองคน เมื่อตรวจสอบภายในกระสอบ พบยาบ้าเม็ดสีแดงและสีเขียวจำนวนมาก บรรจุในถุงพลาสติกแบบกดปิด-ดึงเปิด สีน้ำเงินและสีชมพู ซุกซ่อนอย่างแนบเนียนภายในห่อกระดาษสาเคลือบไขมันสีน้ำตาล จำนวน 10 แพ็ค โดยแต่ละแพ็คบรรจุยาบ้า 30 มัด เมื่อนับรวมทั้งหมด พบของกลางเป็น
ยาบ้า กว่า 60,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึด พร้อมเตรียมขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายนี้ ภายหลัง เจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิและอธิบายเหตุผลแห่งการจับกุมต่อผู้ต้องหาทั้งสองอย่างชัดเจน จนเป็นที่เข้าใจ ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เหล่าหลวง จ.บึงกาฬเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายนัทธพงษ์ฯ หรือ “ฟาง” ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อผ่านทางแอปพลิเคชัน Messenger โดยแจ้งว่าจะมี “งานยาบ้ากระสอบน้อย” ให้ดำเนินการ ก่อนที่นายนัทธพงษ์ฯ จะตอบตกลงรับงานดังกล่าว ต่อมา นายนัทธพงษ์ฯ ได้รับสายโทรศัพท์จากชายชาวลาว นัดหมายให้เดินทางไปรับยาบ้าที่ถูกนำมาวางไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ใกล้กอไผ่ จากนั้นจึงชักชวนเพื่อนร่วมเครือข่าย นายทนะรัตณ์ฯ หรือ “ลีโอ” ร่วมเดินทางไปด้วย โดยนายนัทธพงษ์ฯ เป็นผู้ไปรับกระสอบยาบ้าที่ห่อด้วยเสื้อแขนยาวสีดำ ก่อนนำกลับมายังจุดที่จอดรถจักรยานยนต์คันของกลาง และให้ “ลีโอ” เป็นผู้ขับขี่พากลับบ้าน

นายนัทธพงษ์ฯ ยังให้การเพิ่มเติมว่า ชาวลาวผู้ว่าจ้างได้สั่งให้นำยาบ้าไปซุกซ่อนต่อที่กองไม้ด้านหลังกระท่อม ภายในลานรับซื้อยางพารา เพื่อรอการขนส่งต่ออีกทอดหนึ่ง โดยจะได้รับค่าจ้างจำนวน 6,000 บาท หลังภารกิจเสร็จสิ้น แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับกุมพร้อมของกลางได้เสียก่อน