วันที่ 21 พ.ย.2568 ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายกฤษฎา อินทามระ หรือ "ทนายปราบโกง" ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ เพื่อขอให้พิจารณารับเรื่อง "ขบวนการบ่อบาดาลเถื่อน 74 บ่อ" ในพื้นที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดนครราชสีมา เป็นคดีพิเศษ โดยมีนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ (ดีเอสไอ)เป็นผู้รับหนังสือเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายกฤษฎา กล่าวว่า ขบวนการดังกล่าวเข้าข่ายการใช้เอกสารเท็จเพื่อเอื้อประโยชน์แก่โรงงานอุตสาหกรรม และอาจเชื่อมโยงกับความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน
โดยวันนี้ได้มาร้องเรียนเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมกิจการน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตใช้น้ำบาดาลและต่อใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลให้แก่บริษัทเอกชนโรงงานแป้งมันสำปะหลังใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ สปก.จังหวัดนครราชสีมา ผู้มีหน้าที่ เกี่ยวข้องในการควบคุมดูแลที่ดิน สปก.ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงาน โดยเมื่อปลายปี 67 ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดนครราชสีมา และตำรวจท้องที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน สปก.ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่ว กรณีโรงงานมีการปล่อยน้ำเสียลงในที่ดิน สปก.กว่า 600 ไร่ พบหัวสูบน้ำบาดาลหลายหัวอยู่ในที่ดิน จึงได้ตรวจสอบเอกสารใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลจำนวน 74 บ่อ ( 74 ใบอนุญาต ) ระหว่างปี พ.ศ. 2556 ถึง 2558 ของโรงงานดังกล่าวจึงพบข้อพิรุธหลายประการ เช่น ใบอนุญาตจำนวนมากใช้พิกัดซ้ำกันอย่างผิดธรรมชาติแสดงถึงการคัดลอกข้อมูลแทนการสำรวจจริง และใบอนุญาตระบุว่าเป็นที่ดินเอกชนแต่ตรวจสอบจากภาพถ่ายดาวเทียมพบว่าอยู่ในที่ดิน สปก. ปริมาณการใช้น้ำต่อวันสูงมากถึง 200-300 ลบ.ม./วัน เข้าข่ายใช้พื้นที่ของรัฐเพื่อประโยชน์อุตสาหกรรม ค่าคุณภาพน้ำซ้ำกันหลายบ่อ แสดงว่าไม่มีการตรวจคุณภาพน้ำจริง ใบอนุญาตจำนวนมากออกในวันเดียวและหมดอายุในวันเดียวกัน ซึ่งผิดรูปแบบการออกใบอนุญาตปกติ ระบุข้อความในใบอนุญาตว่า “ใช้น้ำเพื่อธุรกิจอุตสาหกรรม” ทั้งที่เป็นพื้นที่ สปก.ซึ่งขัดวัตถุประสงค์และนโยบายของ สปก.อย่างชัดแจ้ง จึงเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยหรือร่วมกันเอื้อประโยชน์แก่เอกชน เข้าข่ายมาตรา 157 และเข้าข่ายฟอกเงิน จึงมาร้องขอให้ ดีเอสไอรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีความเสียหายระดับโครงสร้างและเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายฝ่าย มีความสลับซับซ้อนทำเป็นขบวนการและขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของใบอนุญาตน้ำบาดาลทั้งหมด 74 บ่อ และขยายผลตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่ามีการร่วมกันกระทำผิดหรือไม่ โดยสืบสวนตรวจสอบเส้นทางผลประโยชน์และผลกระทบต่อรัฐ ซึ่งอาจเข้าข่ายฟอกเงิน และดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามกฎหมายจนถึงที่สุด
ส่วนคดีอาญาที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. บก.ปทส. กองบัญชาการตำรวจส่วนกลาง ร่วมกับ สปก. น้ำกำลังเข้าตรวจสอบและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตและเจ้าของโรงงาน เมื่อปี 2567 นั้น ได้ดำเนินการตามกฎหมายส่งฟ้องขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นอัยการ ทางทนายปราบโกง ยังเห็นว่าทางโรงงานแป้งมันฯ ยังมีการลักลอบสูบน้ำใช้อยู่เหมือนเดิม จึงต้องมาร้องขอให้ ดีเอสไอ รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษในวันนี้
©2018 CK News. All rights reserved.