วันที่ 27 ธ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้คณะทำงานในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เข้าตรวจค้นบ้านพัก ,อาคารสำนักงาน และเป้าหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก อดีตรอง ผบ.ตร. รวม 11 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ และ จ.สุราษฎร์ธานี หลังถูกแจ้งความในคดีเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามกฎหมายมาตรา 157 และความผิดที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้ตรวจยึดหลักฐาน และทรัพย์สินต่างๆ ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนหมายรายการด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า การเข้าตรวจค้นสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับอดีตรองผบ.ตร. ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา คณะทำงานสืบสวนสอบสวนของ ตร. ได้เข้าแจ้งความที่ กก.5 บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และข้อหาอื่นๆ เหตุเกิดที่ อาคารรัชดาวัน ชั้น 2 แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ และที่บริเวณลานจอดรถยนต์สมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ต่อเนื่องวันที่ 1 กันยายน 2567 เวลากลางวัน โดยมีผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย 1.พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หรือสุรเชษฐ์ หรือ บิ๊กโจ๊ก หักพาล 2.นายสมบัติ ธรธรรม 3.นายสามารถ กอนแก้ว หรือเอ็ดเวิร์ด 4.นายสรพงษ์ วงค์สุวรรณ 5.นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ ตำแหน่ง กรรมการ ป.ป.ช. และ 6.นายสุรสิทธิ์ แพเกิด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ชุดสืบสวนในนาม ตร. ให้การว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ได้ให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ เข้ามาพบที่สำนักงานอาคารรัชดาวัน ชั้น 2 เมื่อมาถึงก็พบ นายสามารถ กอนแก้ว อยู่ที่สำนักงานอยู่ก่อนแล้ว พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ สั่งการให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ นำทองคำแห่งไปมอบให้ นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. ในวันรุ่งขึ้น (1 กันยายน 2567) เพื่อวิ่งเต้นช่วยเหลือทางคดีซึ่งอยู่ในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยแจ้งว่าได้พูดคุยตกลงกับ นายเอกวิทย์ ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบภายหลัง พร้อมกำชับให้ถ่ายคลิปวีติโอในขณะส่งมอบทองคำแท่งไว้ด้วย
ต่อจากนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ได้สั่งการให้ นายสามารถ นำทองคำแห่งที่เตรียมไว้ นำมามอบให้กับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ เมื่อได้รับทองคำแท่งแล้ว พ.ต.อ.ภาคภูมิ ได้เดินทางกลับมาถึงที่พักได้เปิดกล่องออกดู พบทองคำแห่ง บรรจุอยู่ในกล่องกระดาษ จำนวน 2 กล่อง รวม น้ำหนัก 246 บาท จึงถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2567 พล.ต.ต.สุรเชชษฐ์ ได้สั่งการให้นำทองคำแท่งไปมอบให้ทนายเอกวิทย์ ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนกาญจนาภิเษก พ.ต.อ.ภาคภูมิ กับพวก จึงได้เดินทางไปรอยู่แถวบริเวณใกล้กับสมาคมชาวปักษ์ใต้
ต่อจากนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ พ.ต.ภาคภูมิ ทราบว่า นายเอกวิทย์ นั่งมาในรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งของนายเอกวิทย์ และจอดรอยู่ที่ลานจอดรอดของสมาคมชาวปักษ์แล้ว โดยให้นำทองคำแท่งไปมอบให้ได้เลย พ.ต.อ.ภาคภูมิ กับพวก จึงขับรถวนไปยังจุดหมาย พบรถคันดังกล่าวจอดอยู่เพียงคันเดียว จึงถือกระเป้าที่บรรจุทองคำแท่งดังกล่าว ลงจากรถเดินไปที่รถตู้ ก่อนพบว่า นายสุรสิทธิ์ แพเกิด นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับ เมื่อมองเข้าไปในรถยังพบนายเอกวิทย์ นั่งอยู่เบาะหลังคนขับ ก่อนยื่นกระเป๋าใส่ทองคำแท่ง ให้กับนายสุรสิทธิ์ เพื่อส่งมอบต่อให้กับนายเอกวิทย์ ตามที่รับคำสั่งมา จากนั้นรถตู้คันดังกล่าวก็ขับออกไปจากบริเวณดังกล่าวทันที
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า ในค่ำวันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จะเดินทางมายัง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อติดตามคดีดังกล่าวต่อไปด้วย

©2018 CK News. All rights reserved.