จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) และมาตรา 96 (2) หรือไม่ หลัง ศาลนครศรีธรรมราชพิพากษาจำคุก นายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี ตามกฎหมาย ในคดีอาญาฐานร่วมกันกระทำความผิดในการทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อปี 2557 ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดี ผลการพิจารณาระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง มีมติให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ เทพไท เสนพงศ์ ผู้ถูกร้อง มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) และมาตรา เนื่องจากเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 ผู้ถูกร้องต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ถูกร้องมีกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษา ผู้ร้องจึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงหรือไม่
กรณีต้องด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ ประกอบวรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญจึงรับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัยและแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
สำหรับคำร้องขอของผู้ร้องให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง นั้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏชัดเจนว่า ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกผู้ถูกร้อง 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง มีกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษา
กรณีปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องแล้วจึงมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
©2018 CK News. All rights reserved.