ททท.เดินหน้าเปิดรับ นทท.ต่างชาติ อยู่ไทยยาว 270 วัน เล็งไฟเขียว 10 ประเทศคุมโควิดดี


22 ก.ย. 2563, 09:10

ททท.เดินหน้าเปิดรับ นทท.ต่างชาติ อยู่ไทยยาว 270 วัน เล็งไฟเขียว 10 ประเทศคุมโควิดดี




เมื่อวันที่ 22 กันยายน กรณีหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เห็นชอบแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษพักในประเทศไทยได้ 270 วัน ล่าสุด นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์วันที่ 21 กันยายน ว่า จากแนวคิดการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในรูปแบบจำกัด จะเน้นไปที่กลุ่มเมืองในประเทศที่มีความปลอดภัย โดยมีมาตรการคักกรองและควบคุมเหมือนคนไทยที่กลับจากต่างประเทศ คือต้องทำการกักตัวในโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นสถานกักเชื้อ (เอเอสคิว) 14 วัน และมีการตรวจหาเชื้อตั้งแต่ก่อนเข้ามาภายใน 72 ชั่วโมง ตรวจหลังเข้ามาแล้วอีก 1 ครั้งโดยตลอด ซึ่งย้ำว่า ต่างชาติที่ต้องการเข้ามาจะต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน และไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกพื้นที่ที่ทำการกักตัวอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มใดก็ได้



นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับต่างชาติที่เดินทางเข้าในไทยจะต้องเข้ามาพักในระยะยาว (ลองสเตย์) เท่านั้น โดยอนุญาตให้ใช้วีซ่าในรูปแบบสเปเชียล ทัวริสต์ วีซ่า (เอสทีวี) โดยจะมีเวลาให้อยู่ในไทยได้ 90 วัน และต่อได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวมเป็น 270 วัน ซึ่งวีซ่าประเภทนี้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาพำนักระยะยาวในไทยและต้องถูกกักตัว ส่วนจะเริ่มต้นในตอนใดนั้น พยายามจะเปิดให้ทันภายใน 2 เดือนสุดท้ายของปี (พฤศจิกายน-ธันวาคม 2563) โดยจะทำเป็น 3 ระยะคือ ทดลอง ขยายผล และเปิดอย่างจำกัด สำหรับในช่วงทดลองจะเริ่มทำได้เมื่อคนในพื้นที่ยอมรับ ไม่มีรายงานการติดเชื้อโควิด-19 จึงจะขยับไปสู่ระยะต่อไปได้ ที่สำคัญการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ จะไม่ใช่การเปิดให้ทุกชาติ คงไม่ใช่เปิดให้อินเดีย สหรัฐ หรืออเมริกาใต้ที่มีการติดเชื้อมาก แต่จะเอาเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกเป็นที่ตั้งว่าประเทศใดที่มีการติดเชื้อน้อย มีประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาด 10 ประเทศแรก ถึงมีการเปิดให้มาในไทย


ด้านว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ รองประธานหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางการเมือง และสถานการณ์ม็อบในประเทศ มองว่าในภาพรวมยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเท่าไรนัก เพราะการชุมนุมในครั้งนี้จบด้วยดีไม่มีการปะทะ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย การกระทำต่างๆ ยังไม่มากจนกระทั่งน่ากลัว เมื่อเทียบจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมกับจำนวนประชากรทั้งประเทศแล้ว ยังถือว่าอยู่ในปริมาณที่รับได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่นักศึกษา กลายเป็นคนกลุ่มอื่นที่ต้องการเข้ามาสร้างสถานการณ์เป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่กังวลคือในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่มีประวัติศาสตร์และน่ากลัวกว่าการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา
การชุมนุมในครั้งนี้ เป็นเพียงการออกมาเรียกร้องในสิ่งที่สามารถทำได้ตามหลักประชาธิปไตย











©2018 CK News. All rights reserved.