เทศบาล ต.สังขะ สืบสานประเพณีแซนโฎนตา บุญเดือนสิบของชาวไทยเชื้อสายเขมร 


23 ก.ย. 2565, 15:49

เทศบาล ต.สังขะ สืบสานประเพณีแซนโฎนตา บุญเดือนสิบของชาวไทยเชื้อสายเขมร 




เมื่อช่วง สายวันที่ 22 กันยายน 2565  ที่อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ นายธาตรี สิริรุ่งวนิช  นายอำเภอสังขะ เป็นประธานในการประกอบพิธีแซนโฏนตาบูชาบรรพบุรุษ โดยมีนางกิ่งกาญจน์ พัวไพฑูรย์ นายกเทศมนตรีตำบลสังขะ  นายเสียง คำแสน  รองนายกฯ  นายเฉลิมชัย  นามม่วง ประธานสภาฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและคณะผู้บริหารส่วนตำบลทั้ง 12 แห่ง  ร่วมกันนำเครื่อง อาหาร คาว หวาน น้ำดื่ม น้ำเปล่า น้ำหวาน สุรา ไก่ย่าง ปลาย่าง ผลไม้ เซ่นไหว้อนุสาวรีย์พระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (เจ้าเมืองสังขะคนแรก) เซ่นไหว้ศาลปะกำช้าง รูปปั้นช้าง และศาลหลักเมืองสังขะ โดยมีหมอปะกำช้างและหมอพราหมณ์ เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมแซนโฏนตา 

พร้อมกันนี้ ได้มีการจัดพิธีรำบวงสรวงบูชาบรรพบุรุษจากตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 12 แห่ง จำนวน 300 คน และการแสดงจากโรงเรียนสังขะวิทยาคม  วิทยาลัยการอาชีพสังขะ และโรงเรียนสังขะ 



ประเพณีวันแซนโฏนตา เป็นวัฒนธรรมชาวสุรินทร์ และจังหวัดใกล้เคียง แดนอีอีสานใต้ ที่มีเขตแดน ติดต่อกับประเทศกับสาอาณาจักรกัมพูชา ได้รับวัฒนธรรม ประเพณีเชื้อสายเขมร ประเพณีแซนโฏนตา เป็นประเพณีรวมญาติ วันครอบครัวและเครือญาติจะได้กลับมาพบหน้ากัน เพื่อทำบุญให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เหมือนกับ "วันสารทไทย", "วันสารทจีน" และในวัฒนธรรมของชาวเขมรก็มีประเพณี "วันสารทเขมร" หรือที่เรียกกันว่า "ประเพณีแซนโฎนตา" 

วันแซนโฎนตา หรือ ไงแซนโฎนตา ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี  คำว่า "ไง" หมายถึง วัน คำว่า "แซน" หมายถึง การเซ่นไหว้ การบวงสรวง คำว่า "โฎน" หมายถึง ย่าหรือยาย คำว่า "ตา" หมายถึง ปู่หรือตา ดังนั้นประเพณีแซนโฏนตานี้จึงหมายถึง การเซ่นไหว้ปู่ ย่า ตา ยาย หรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นวันสารทเดือนสิบของชาวไทยสุรินทร์ เชื้อสายเขมร ในช่วงเวลานี้ ลูกหลานที่ไปทำงานในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จะเดินทางกลับมาหาครอบครัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษ เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ


ทั้งนี้ ชาวสุรินทร์ และจังหวัดใกล้เคียงถิ่นแดนอีสานใต้ เชื้อสายเขมรมีความเชื่อว่า เมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ประตูยมโลกจะเปิด เพื่อให้ผู้รับกรรมที่อยู่ในนรกได้เดินทางมาเยี่ยมญาติได้ ชาวเขมรจึงจัดทำอาหาร ขนม ข้าวต้ม ในตอนเย็นของวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 10 และพอรุ่งเช้าวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ก็จะนำอาหาร ขนม ข้าวต้ม ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่วัด เรียกว่า "วันเบ็นตูจ" โดยเชื่อว่าผีจะออกมาจากยมโลกได้ 15 วัน หลังจากนั้นต้องกลับไปรับกรรมในยมโลกตามเดิม จากวันเบ็นตูจนับไปอีก 15 วัน (นับจากวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 10) จะตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี คือ "วันเบ็นทม" ซึ่งเป็นวันที่ประกอบพิธีแซนโฎนตา อีกส่วนสำคัญคือการเตรียม "บายเบ็ญ" โดยเตรียมอาหาร ผลไม้ หมากพลู บุหรี่ ใส่กระทงเล็ก ๆ หลายใบ และจัดใส่กระทงใบใหญ่สัก 2 ใบ นำมาตั้งไว้นอกรั้วบ้านในวันแรม 15 ค่ำ เพื่อให้ผีที่ไม่มีญาติ การประกอบพิธีแซนโฎนตา แต่ละบ้านจะเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ ทั้งอาหารคาว-หวาน ผลไม้ อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเซ่นไหว้ศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน เซ่นไหว้ศาลพระภูมิประจำบ้าน ประกอบพิธีกรรมแซนโฎนตาที่บ้าน และประกอบพิธีกรรมที่วัด โดยการทำเช่นนี้เพื่อให้บรรพบุรุษรับผลบุญกุศลที่อุทิศไป ทำให้บ่วงกรรมที่มีบรรเทาลง ซึ่งพี่น้องชาวไทยเชื้อสายเขมรยึดถือประเพณีนี้สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน


คำที่เกี่ยวข้อง : #ต.สังขะ  









©2018 CK News. All rights reserved.