ไฟไหม้ "รร.ชุมชนวัดพายทอง" กลางดึก สาววัย 63 พาหลานวิ่งหนีไฟจ้าละหวั่น


9 พ.ค. 2562, 15:50

ไฟไหม้ "รร.ชุมชนวัดพายทอง" กลางดึก สาววัย 63 พาหลานวิ่งหนีไฟจ้าละหวั่น




เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 8 พ.ค. 62  ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ร.ต.อ.อำนาจ มีทองคำ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ป่าโมก ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงเรียน ชุมชนวัดพายทอง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมประสานรถน้ำดับเพลิงบริเวณใกล้เคียงกว่า 10 คัน รุดไปที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้อาคารเรียนไม้ 2 ชั้น ที่บริเวณด้านล่างเป็นโรงอาหาร ส่วนด้านบนเป็นอาคารเรียนชั้นประถมที่ 4 - 6 โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีดน้ำควบคุมเพลิงอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบลง อาคารโรงเรียนได้รับความเสียหายร่วมหมดทั้งหลัง เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสำลักควันไฟ ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลป่าโมก 1 คน ทราบชื่อต่อมาว่านาย จสอ.บุญช่วย ชุ่มยิ้ม หัวหน้างานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลศาลาแดง มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิต หมดสติขณะเข้าควบคุมเพลิง

จากการสอบถาม นางสอางค์ ทิตถาพันธ์ อายุ 63 ปี ที่อาศัยอยู่ในอาคารเรียนที่ติดกับอาคารไฟไหม้ เล่าให้ฟังว่า ตนเองได้พักหลับนอนในห้องเรียนของโรงเรียนชุมชนวัดพายทองอยู่กับหลาน 3 คน มี ด.ช.ปณัฐพงษ์ ธรรมชาติ อายุ 12 ปี  ด.ญ.ปาริชาติ ธรรมชาติ อายุ 9 ขวบ และ ด.ญ.รัตติกาล ทิตถาพันธ์ อายุ 8 ขวบ ซึ่งตนเองมีฐานะยากจน และทางโรงเรียนได้ให้พักหลับนอนในห้องเรียน และได้จ้างให้ นางสอางค์ เข้ามาทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในโรงเรียน ในช่วงเกิดเหตุขณะที่ตนเองกำลังตำน้ำพริก เพื่อทำอาหารรับประทาน จู่ๆ ไฟฟ้าทางโรงเรียนก็ดับลง ตนเองจึงหยิบโทรศัพท์ แจ้งภารโรงให้เข้าตรวจสอบ และตนเองก็พบเห็นไฟลุกขึ้นบริเวณอาคารโรงอาหารชั้นล่าง จึงตะโกนให้คนช่วยดับไฟ ซึ่งไฟก็ลุกลามอย่างรวดเร็วขึ้นด้านบนอาคารเรียนด้วยความกลัวและตกใจที่ตนเองอยู่ใกล้ๆ จึงพาหลานวิ่งหนีออกมา และทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็เข้ามาควบคุมเพลิง

ซึ่งทางโรงเรียนชุมชนวัดพายทอง มีนักเรียนอยู่จำนวน 102 คน สอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ระหว่างการปิดภาคเรียน จะเปิดเรียนทำการเรียนการสอนในวันที่ 18 พ.ค. เบื้องต้นอาคารเสียหายจากเพลิงไหม้ครั้งหลัง ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จะเข้าดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ ที่แท้จริงตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

 

 

 



 

 

 

 

 

 

 

 

 












©2018 CK News. All rights reserved.