NIAจับมือเอกชน-สถาบันการศึกษา ติดอาวุธสตาร์ตอัป สายฟู้ดเทคภายใต้โครงการ “SPACE-F”


29 พ.ค. 2568, 15:38

NIAจับมือเอกชน-สถาบันการศึกษา ติดอาวุธสตาร์ตอัป สายฟู้ดเทคภายใต้โครงการ “SPACE-F”




วันที่ 29 พ.ค.2568  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล และพันธมิตรองค์กรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และเครือข่ายบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารอีกมากมาย เปิดโครงการ “SPACE-F ปี 6: โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตฟู้ดเทคสตาร์ทอัพระดับสากลแห่งแรกของประเทศไทย” เพื่อสานต่อความสำเร็จจากปีที่ 5 โดยมุ่งเน้นสนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัพที่สามารถพัฒนานวัตกรรมสำหรับแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมอาหารทั้งปัจจุบันและอนาคต เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้มีสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 20 ราย แบ่งเป็น Incubator Program 10 ราย และ Accelerator Program 10 ราย ทั้งนี้ สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โอกาสการเข้าถึงเครือข่ายและแหล่งเงินทุนเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด อีกด้วย
            
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรมมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรมภายใต้แนวคิด Groom – Grant – Growth – Global ซึ่งพร้อมจะสนับสนุนและส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมทั้งมิติเงินทุน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรม การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง พร้อมกันนี้ ยังมุ่งผลักดันนวัตกรรมเพื่อสร้างการเติบโตและเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยที่ผ่านมาได้ผลักดันหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศคือ “นวัตกรรมอาหาร” ผ่านโครงการ SPACE-F ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับสากล พร้อมช่วยผลักดันกลุ่มฟู้ดเทคสตาร์ทอัพทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาด และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมไทยมีความได้เปรียบในด้านการแข่งขันกับทุกบริบทที่เปลี่ยนแปลง


             
“SPACE-F ปีที่ 6 พร้อมเดินหน้าสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ ด้วยการบ่มเพาะและเร่งการเติบโต ผ่านเครือข่ายความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล และพันธมิตรอย่างบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตรทางธุรกิจ ต่อยอดแผนธุรกิจ และพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาด พร้อมรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรมอาหารทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาโครงการ SPACE-F สามารถผลักดันให้ได้รับการระดมทุนกว่า 5,000 ล้านบาท และช่วยพัฒนาสตาร์ทอัพกว่า 80 ราย จาก 18 ประเทศทั่วโลก สามารถขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนที่มีตลาดผู้บริโภคกว่า 650 ล้านคน และมีมูลค่าสูงกว่า 60,000 ล้านบาท ทำให้สตาร์ทอัพสามารถสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง และนำนวัตกรรมเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ โครงการ SPACE-F ยังมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น "ครัวของโลก" ด้วยจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ การลงทุนในนวัตกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง และมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล NIA หวังว่า SPACE-F ปีที่ 6 จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของสตาร์ทอัพทุกคนในการสร้างสรรค์และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน”
           
ด้าน รศ. ดร.พสิษฐ์ ภควัชร์ภาณุรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม กล่าวเสริม สำหรับโครงการ SPACE-F Batch 6 นี้ เรามั่นใจว่าเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการสามารถเติบโตและขยายธุรกิจไปสู่เวทีโลกได้ ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ สตาร์ทอัพจะสามารถใช้ทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกของเราได้อย่างเต็มที่ สามารถเข้าถึงคำแนะนำจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่จบการศึกษาจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก และยังอาจได้แรงบันดาลใจและกำลังสำคัญในการทำงานจากนักศึกษาของเราอีกด้วย



สำหรับฟู้ดเทคสตาร์ตอัป 10 รายที่ได้เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ (Incubator Program) ได้แก่ 1. BioNano Solution (ไทย) : พัฒนาเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโนเพื่อเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่มีความคงตัว/การละลายต่ำให้มีคุณภาพสูงขึ้น 2. Haruna (ไทย) : พรีไบโอติกธรรมชาติจาก RS (Natural Resistant Starch) สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง 3. HILLKOFF (ไทย) : การนำเปลือกเชอร์รีกาแฟมาเพิ่มมูลค่า 4. LOCOL (ไทย) : การใช้ประโยชน์จากของเหลือจากโกโก้สำหรับการผลิตเนื้อวัวที่มีคาร์บอนต่ำ 5. MadeSweetly (สหราชอาณาจักร) : สารให้ความหวานจากพืชทางเลือกโดยใช้การหมักที่แม่นยำเพื่อผลิตโปรตีนที่มีความหวานตามธรรมชาติ 6. Karmic Global (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์): พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้จากการนำของเสียจากอุตสาหกรรมกุ้งมาใช้ 7. ZenxTag Technology (ฮ่องกง): พัฒนาไพรเมอร์ตรวจจับการเน่าเสียแบบละเอียด (TVB, pH, H2S, TMA) สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร 8. Sherapis (ไทย): ซุปก้อนโซเดียมต่ำ 9. MAMAY Technologies (อิสราเอล): การแปลงสัมผัสทางประสาทสัมผัสให้เป็นดิจิทัล และ 10. Nano Onions (ไทย): หลอดดูดน้ำจากสาหร่ายทะเล
            


ส่วนฟู้ดเทคสตาร์ตอัป 10 รายที่ได้เข้าร่วมโครงการเร่งการเติบโตทางธุรกิจ (Accelerator Program) ได้แก่ 1. Akarso Bio (สหรัฐอเมริกา): พัฒนาส่วนผสมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะและเป็นฉลากสะอาด ซึ่งช่วยเพิ่มการหลั่ง GLP-1 เพื่อความอิ่มและสุขภาพเมตาบอลิซึม 2. Poseidona (สเปน): การใช้สาหร่ายทะเลที่ได้รับการกอบกู้เพื่อพัฒนาส่วนผสมโปรตีนสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร 3. Warich Food (ไทย): พัฒนาอาหารใหม่จากผลไม้สุกและเปลี่ยนให้เป็นผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ 4. Alcheme Bio (สหรัฐอเมริกา): พัฒนา "ไขมันแทรกในเนื้อ" ระดับเซลล์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเอนไซม์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เปลี่ยนโปรตีนทางเลือกโดยการปรับปรุงรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ 5. TIGAMILK (ฮ่องกง): นมจากถั่วลายเสือรายแรกของโลก 6. Jupitair (โปแลนด์): นวัตกรรมเครื่องยนต์โฟโตคะตะไลติกที่จดสิทธิบัตร โดยอาศัยชั้นเซรามิกโครงสร้างนาโน ซึ่งถูกกระตุ้นการทำงานด้วยแสงยูวีเอ LED 7. Genbioma (สเปน): ส่วนผสมและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติที่ควบคุมการเผาผลาญผ่านความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ 8. Neramit Foodtech (ไทย): ข้าวปลอดแป้งรายแรกของไทยจากโปรตีนสูงและใยอาหารจากสาหร่ายทะเล 9. Hypercell Technologies (สหรัฐอเมริกา): ช่วยให้สามารถตรวจจับเชื้อโรค ณ จุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วภายใน 40 นาที ด้วยความแม่นยำระดับห้องปฏิบัติการ และ 10. Singular Intelligence (สหราชอาณาจักร): ใช้ประโยชน์จาก AI และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหาร





คำที่เกี่ยวข้อง : #NIA  









©2018 CK News. All rights reserved.